เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ (Nationally Determined Contribution: NDC) การมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนดภายหลังปี ค.ศ. 2020 หรือ NDC (Nationally Determined Contribution) เกิดขึ้นจากข้อเสนอเดอร์บัน (Durban Platform 2011) ซึ่งเป็นมติจากการประชุม COP17 ที่ ประเทศแอฟริกาใต้ ส่งผลให้มีการจัดทำกรอบความตกลงฉบับใหม่มาใช้ ต่อมาในที่ประชุม COP 21 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ได้รับรองความตกลงปารีส (Paris Agreement) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2558 การมีส่วนร่วมของแต่ละภาคี เป็นไปตามที่ประเทศกำหนด โดยข้อ 4 ของความตกลงปารีสกำหนดให้แต่ละภาคีต้องจัดทำแจ้งและจัดให้มีการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally determined contributions: NDCs) อย่างต่อเนื่อง โดยแจ้งทุกๆ 5 ปี ซึ่งจะแสดงถึงความก้าวหน้าที่เพิ่มขึ้น และสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่เป็นไปได้สูงสุด ตามหลักความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่างโดยคำนึงถึงขีดความสามารถของแต่ละภาคี (Common but differentiated responsibilities and respective capabilities, in the light of different national circumstances)
สำหรับประเทศไทยคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อข้อเสนอการมีส่วนร่วมของประเทศในการลดก๊าซเรือนกระจกและการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภายหลังปี ค.ศ. 2020 (Intended Nationally Determined Contribution : INDC) และเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก ปี ค.ศ. 2030 (พ.ศ. 2573) เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558 โดยกำหนดเป้าหมายขั้นต่ำที่ร้อยละ 20 และกำหนดเป้าหมายขั้นสูงที่ร้อยละ 25 จากกรณีปกติ และให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยประสานงานกลางของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยื่นข้อเสนอการมีส่วนร่วมของประเทศในการลดก๊าซเรือนกระจกและการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายหลังปี ค.ศ. 2020 (INDC) ต่อสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ประเทศไทยได้เสนอการมีส่วนร่วมของประเทศในการลดก๊าซเรือนกระจกและการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายหลังปี ค.ศ. 2020 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ทั้งนี้ภายหลังความตกลงปารีสมีผลบังคับใช้ ให้ถือว่าภาคีที่ส่ง INDC แล้วเปลี่ยนสถานะเป็น NDC ตามมติ 1/CP.21 Para 22 นอกจากนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียังได้ประกาศเป้าหมายดังกล่าวในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยที่ 70 ณ นครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2558 และในวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2559 ประเทศไทยได้ให้สัตยาบัน (Ratification) ต่อความตกลงปารีส (Paris agreement) ซึ่งถือเป็นหลักหมายสำคัญในการร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศและของโลกอีกด้วย
การมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 2 (2nd Updated NDC) เป็นการยกระดับ เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ เพื่อให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ระยะยาวฯ ฉบับปรับปรุง (LT-LEDS (Revised Version)) โดยยังโครงร่างตามเอกสาร NDC ฉบับเดิม ซึ่งการปรับปรุงเนื้อหาหลักเป็นเรื่องการยกระดับเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกจากร้อยละ 20 - 25 จากกรณีปกติ เป็นร้อยละ 30 - 40 จากกรณีปกติ ภายในปี พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030) และการปรับปรุงข้อมูลให้มีความทันสมัยและ สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ได้แก่ นโยบายและแผนที่เกี่ยวข้อง การจัดทำบัญชีก๊าซเรือนกระจกตามคู่มือการ จัดทำบัญชีก๊าซเรือนกระจกระดับชาติ ปี ค.ศ. 2006 ของ IPCC ผลสำเร็จจากการดำเนินการ NAMA ความสำคัญของ ภาค ป่าไม้ในการบรรลุเป้าหมาย NDC ของประเทศความสำเร็จของการมีส่วนร่วมกับอุตสาหกรรมปูน การสร้างความ ตระหนักรู้ผ่านการประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฎิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย (Thailand Climate Action Conference: TCAC) และความต้องการได้รับการสนับสนุนด้านการพัฒนาและประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีในการดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage: CCS) และพลังงานไฮโดรเจน รวมถึงการทำการเกษตรที่เท่าทันต่อสภาพภูมิอากาศ (Climate Smart Agriculture: CSA) เพื่อเพิ่มผลิตภาพของผลผลิตและปล่อยคาร์บอนต่ำ